เลเซอร์รอยสิว
เลเซอร์รอยสิว คือ การแก้ปัญหารอยสิวด้วยพลังงานแสงเลเซอร์เข้มข้นสูง และใช้ช่วงความถี่ที่เหมาะสม โดยยิงลำแสงเลเซอร์ลงไปบนผิวหนังที่ต้องการลบรอยสิว เพื่อกำจัดผิวหนังชั้นนอกที่มีรอยดำหรือรอยแดงให้จางลง และกระตุ้นผิวหนังให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งจะช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้า และส่งผลให้ผิวแลดูเรียบเนียนใสขึ้น
โดยทั่วไปรอยสิวมี 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่
- รอยสิวแดง (Post-Inflammatory Erythema: PIE) คือ รอยจุดสีชมพูถึงแดงหลังการเกิดสิว พบในผู้ที่มีผิวค่อนข้างขาวหรือผู้ที่ผิวบาง เกิดจากการอักเสบของสิวจากการบีบ แคะ แกะสิว จนเกิดอาการบวมช้ำ ทำให้มีเส้นเลือดฝอยคั่งบริเวณจุดอักเสบมาก ซึ่งหลังการอักเสบหายก็ยังเหลือร่องรอยการอักเสบ บวม และการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยชัดเจน
- รอยสิวดำ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation: PIH) คือ รอยจุดสีน้ำตาลถึงสีดำหลังการเกิดสิว พบในผู้ที่มีสีผิวค่อนไปทางเข้มเพราะผิวมีการผลิตเม็ดสีมากกว่าผู้ที่มีผิวขาว รอยดำเกิดขึ้นหลังการอักเสบจากการแกะ บีบสิว แล้วโดนแสงแดดมาก ผิวหนังจึงถูกกระตุ้นให้สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ผลิตเม็ดสี (Melanin) ออกมามากขึ้น ทำให้เกิดเป็นร่องรอยคล้ำ หรือดำ ปรากฎเด่นชัด
เลเซอร์รอยสิวเหมาะกับใคร?
การเลเซอร์รอยสิว คือ การใช้พลังงานคลื่นแสงเข้าไปทำลายเม็ดสีให้แตกละเอียด เพื่อให้ร่างกายสามารถกำจัดเม็ดสีออกไปได้ง่ายขึ้น โดยผู้ที่เหมาะกับการรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์ ได้แก่
- ผู้ที่ต้องการลบรอยสิวบนใบหน้าให้หายไป และเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้น
- ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยแผลเป็น หรือร่องลึกจากสิว ให้ลดเลือนและจางลง
- ผู้ที่ต้องการกระตุ้นเซลล์ผิวให้สร้างคอลลาเจนมากขึ้น ภายหลังการมีสิว
- ผู้ที่มีปัญหาผิวพรรณเกี่ยวกับริ้วรอยหมองคล้ำ อาการไหม้ ผิวหนังหย่อนคล้อยจากสิว เลเซอร์จะช่วยปรับสภาพผิว และช่วยลบร่องรอยที่เป็นปัญหาออกไป
- ผู้ที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคเกี่ยวกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
- ผู้ที่ไม่เคยรับการรักษาด้วยการฉายรังสีที่ใบหน้า
- ผู้ที่ไม่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร
การเตรียมตัวก่อนเลเซอร์รอยสิว
- หลีกเลี่ยงจากแสงแดดก่อนทำเลเซอร์อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA/BHA
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดรับประทานยาแอสไพรินหรืออาหารเสริมก่อนการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ หากต้องใช้ยารักษาโรค ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำเลเซอร์
- งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของเรตินอลและกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์
- หมั่นทาครีมกันแดดอยู่เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ก่อนทำเลเซอร์
- กรณีผู้ที่เป็นเริมมาก่อน ควรรับประทานยาเพื่อป้องกันเริมกลับมา
การดูแลตัวเองหลังเลเซอร์รอยสิว
โดยการเลเซอร์สิวอุดตันจะมีสะเก็ดหลุดออกมาภายใน 3 – 7 วัน ซึ่งสะเก็ดจะหลุดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิวมันสะเก็ดจะหลุดเร็วกว่าสภาพผิวแห้ง หรือการทาครีม ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ช่วยให้สะเก็ดหลุดเร็วขึ้น เป็นต้น เมื่อสะเก็ดหลุดอาจทำให้ผิวบริเวณนั้นมีรอยแดง หรือดำเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อโดนแดด ดังนั้นหลังทำเลเซอร์ถึงช่วงสะเก็ดหลุดใหม่ๆ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด และควรทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพเป็นประจำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ และภายหลังเลเซอร์สิว ควรดูแลตัวเอง ดังนี้
- งดล้างหน้าหรือระวังไม่ให้หน้าโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก
- กรณีมีการเจาะหัวสิวหลายๆ จุด และมีรอยแดงหรือการระคายเคือง ให้งดทายาสิวบางตัวที่แพทย์แนะนำ ให้รับประทานยาแก้อักเสบแทน อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดใช้เครื่องสำอางประมาณ 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดจัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของน้ำมันประมาณ 2-3 เดือน เพื่อป้องกันการอุดตันรูขุมขน
- ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการรบกวนผิว เช่น การแกะเกา การสครับผิว หลังเลเซอร์จนกว่าร่องรอยจะหายไป
- ทาครีมบำรุงผิว หรือ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและป้องกันการเกิดสะเก็ดหลังเลเซอร์สิว
- ทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวอย่างสม่ำเสมอ