คีย์รอย

“คีลอยด์” แผลเป็นนูน แก้ไขได้ไหม

คีลอยด์ (Keloid) เป็นปัญหาผิวหนังที่หลายคนเคยได้ยินชื่อหรือประสบปัญหานี้มาแล้ว รอยแผลเป็นนูนที่เกิดขึ้นอาจดูเล็กน้อย แต่กลับสร้างความกังวลและไม่สบายใจให้กับหลายคนได้ไม่น้อย เพื่อให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งและหาวิธีดูแลได้อย่างถูกต้อง มารู้จักกับคีลอยด์ในทุกแง่มุม ตั้งแต่สาเหตุ การเกิด วิธีป้องกัน และการรักษา

คีลอยด์ เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อแผลเป็นเจริญเกินปกติหลังการบาดเจ็บของผิวหนัง เช่น แผลผ่าตัด รอยสิว แผลไฟไหม้ หรือแผลถลอก ส่งผลให้เกิดรอยนูนบนผิวหนังที่ขยายตัวเกินบริเวณของแผลเดิม ลักษณะของคีลอยด์มักจะมีสีแดง ชมพู หรือม่วงในระยะแรก และอาจเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้นในระยะยาว

สาเหตุของการเกิดคีลอยด์

ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้อย่างแน่ชัด แต่ปัจจัยที่ส่งเสริมการเกิดคีลอยด์ ได้แก่

  • พันธุกรรม  คนในครอบครัวที่มีประวัติคีลอยด์มีโอกาสเกิดสูงกว่า
  • สีผิว คนที่มีผิวคล้ำ เช่น คนเอเชีย คนแอฟริกัน หรือชาวละติน มีโอกาสเกิดคีลอยด์มากกว่าคนผิวขาว
  • ตำแหน่งของแผล: บริเวณหน้าอก ไหล่ หลังบน และติ่งหู เป็นพื้นที่ที่คีลอยด์มักจะเกิดได้ง่าย
  • แรงดึงของผิวหนัง แผลที่อยู่ในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมากหรือมีแรงดึงสูงจะมีความเสี่ยงสูง

ลักษณะของคีลอยด์

  • ขนาด รอยแผลมักขยายใหญ่กว่าขอบเขตของแผลเดิม
  • พื้นผิว เนื้อสัมผัสมักแข็ง เรียบ และมันวาว
  • อาการร่วม บางครั้งอาจรู้สึกคัน เจ็บ หรือระคายเคืองบริเวณรอยแผล

การป้องกันการเกิดคีลอยด์

แม้ว่าไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยวิธีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ ระมัดระวังไม่ให้เกิดบาดแผล โดยเฉพาะบริเวณที่มีความเสี่ยง
  • ดูแลแผลอย่างเหมาะสม ใช้แผ่นซิลิโคนเจลปิดแผลเพื่อลดแรงดึงและความตึงของแผล
  • หลีกเลี่ยงการเจาะหูหรือการผ่าตัดในจุดเสี่ยง โดยเฉพาะในคนที่มีประวัติคีลอยด์

การรักษาคีลอยด์

ปัจจุบันมีวิธีรักษาคีลอยด์หลายวิธี ซึ่งสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละกรณี

  • การฉีดยาสเตียรอยด์
    เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด ช่วยลดการอักเสบและยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ
    ควรฉีดต่อเนื่องทุก 4-6 สัปดาห์
  • การใช้เลเซอร์
    เช่น เลเซอร์ PDL (Pulsed Dye Laser) หรือ Fractional CO2 Laser ช่วยลดสีแดงและความนูนของคีลอยด์
  • การผ่าตัด
    เหมาะสำหรับคีลอยด์ขนาดใหญ่ แต่ต้องควบคู่กับการรักษาอื่น เช่น การฉีดยาสเตียรอยด์หลังผ่าตัด
  • การฉายรังสี (Radiation Therapy)
    เป็นทางเลือกสำหรับคีลอยด์ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่น
  • แผ่นซิลิโคนเจล (Silicone Sheets)
    ช่วยลดการนูนและอาการคันของคีลอยด์

ข้อควรระวังและคำแนะนำ

  • อย่าปล่อยปละละเลย: คีลอยด์อาจขยายตัวมากขึ้นหากไม่ได้รับการรักษา
  • ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง: ควรพบแพทย์เพื่อประเมินและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงการทดลองยาหรือวิธีรักษาเอง: เนื่องจากอาจทำให้อาการแย่ลง

การดูแลคีลอยด์ให้ได้ผลดี

ควรได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง เนื่องจากแต่ละคนอาจตอบสนองต่อการรักษาแตกต่างกัน
ครั้งหน้าน้องบอนท์จะนำสาระดีๆมาอีก ฝากติดตามกันนะคะ

สวัสดีค่ะ บอนท์คลีนิคยินดีต้อนรับ
เชื่อมต่อกับ ระบบตอบคำถามอัจฉริยะ
Online - เราตอบคำถามท่านตลอด 24 ชั่วโมง
😀 Hello! บอนท์คลีนิค :) วันนี้มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะ?
Just now