เจาะหูแล้วเป็นคีลอยด์ ทำไมถึงเป็น? แล้วรักษาได้ไหม?

คีลอยด์คืออะไร? ทำไมมันถึงมาอยู่ที่ใบหูเรา?

คีลอยด์ (Keloid) คือแผลเป็นชนิดหนึ่งที่เกิดจากร่างกายซ่อมแซมผิวหนังมากเกินไป จนเนื้อเยื่อใหม่ที่สร้างขึ้นล้นเกินบริเวณแผลเดิม ขยายลุกลาม ออกนอกขอบแผล กลายเป็นก้อนนูน แข็ง สีคล้ำหรืออมแดง มักไม่หายเอง และอาจมีอาการคันหรือเจ็บร่วมด้วย

สาเหตุที่ทำให้ “แค่เจาะหู” กลายเป็นคีลอยด์

พันธุกรรม: ถ้ามีประวัติคนในครอบครัวเป็นคีลอยด์ โอกาสจะเป็นก็สูงขึ้น
การตอบสนองของร่างกาย: บางคนร่างกายมีแนวโน้มสร้างเนื้อเยื่อมากเกินไปโดยธรรมชาติ

การดูแลแผลหลังเจาะหู: การติดเชื้อ ระคายเคือง หรือใช้ต่างหูที่ทำให้แผลอักเสบ ยิ่งกระตุ้นให้เกิดคีลอยด์

ตำแหน่งการเจาะ: บริเวณติ่งหู (earlobe) และกระดูกอ่อน (cartilage) มักเป็นตำแหน่งเสี่ยงสูง

รักษาคีลอยด์ที่หูได้อย่างไร?

การรักษาที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ และได้ผลจริง

1. ฉีดยาสเตียรอยด์ (Intralesional Steroid Injection) วิธีที่นิยมที่สุด เห็นผลดีในการยุบคีลอยด์ ยาสเตียรอยด์ (เช่น Triamcinolone) จะช่วยลดการอักเสบและยับยั้งการสร้างคอลลาเจน * ฉีดทุก 3–4 สัปดาห์ โดยเฉลี่ย 3–6 ครั้ง ขึ้นกับขนาดและการตอบสนองของคนไข้

2. การผ่าตัดเอาคีลอยด์ออก (Surgical Excision) เหมาะกับคีลอยด์ขนาดใหญ่หรือมีอาการมาก ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมักต้องมีการฉีดยาหรือฉายแสงหลังผ่าเพื่อลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ

3. การใช้แรงกด (Pressure earrings) ใช้ต่างหูที่ออกแบบมาเพื่อกดบริเวณคีลอยด์เบาๆ ตลอดทั้งวัน มีหลักฐานว่าช่วยลดโอกาสเกิดคีลอยด์ในคนที่เพิ่งเจาะหูได้ดี โดยเฉพาะในคนที่มีประวัติคีลอยด์มาก่อน

4. การฉายแสง (Superficial Radiotherapy) ใช้ในบางกรณีที่เป็นคีลอยด์ขนาดใหญ่ หรือกลับมาเป็นซ้ำบ่อย มักใช้ร่วมกับการผ่าตัดเอาคีลอยด์ออกก่อน แล้วฉายแสงเพื่อป้องกันการโตใหม่

ป้องกันไว้ ดีกว่าแก้ทีหลัง

เคล็ดลับไม่ให้คีลอยด์กลับมาอีก

  • หลีกเลี่ยงการเจาะหูซ้ำถ้าเคยเป็นคีลอยด์
  • หากต้องเจาะ ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ และเลือกตำแหน่งที่ไม่เสี่ยง เช่น หลีกเลี่ยงกระดูกอ่อน

  • รักษาความสะอาดแผลหลังเจาะอย่างเคร่งครัด

  • หากเริ่มเห็นก้อนนูน คัน หรือแดง ควรพบแพทย์ทันที

  • บางรายอาจต้องใส่ต่างหูแรงกด (pressure earring) เพื่อป้องกันคีลอยด์หลังเจาะ

 

คีลอยด์จากการเจาะหูอาจดูเล็กน้อยในตอนแรก แต่หากปล่อยไว้อาจลุกลามจนเสียความมั่นใจได้ แต่ข่าวดีคือ สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ หากพบแพทย์ตั้งแต่ระยะแรก และได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเจอปัญหานี้ สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางผิวหนังได้นะคะ

สวัสดีค่ะ บอนท์คลีนิคยินดีต้อนรับ
เชื่อมต่อกับ ระบบตอบคำถามอัจฉริยะ
Online - เราตอบคำถามท่านตลอด 24 ชั่วโมง
😀 Hello! บอนท์คลีนิค :) วันนี้มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะ?
Just now