เคยสงสัยไหมคะ ข้างหลอดครีมกันแดด มักเขียนค่า SPF, PA แล้วค่าเหล่านี้ บอกอะไร วันนี้บอนท์แคร์ จะมาให้ความรู้
และแนวทางการเลือกใช้กันนะคะ
SPF ย่อมาจาก "Sun Protection Factor
หรือ ปัจจัยปกป้องผิวจากรังสี UVB” เป็นตัวเลขที่บอกระยะเวลาที่สามารถอยู่กลางแดดได้โดยไม่เกิดการไหม้ของผิว เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ทาครีมกันแดดเลย
ตัวอย่างเช่น
- หากปกติคุณจะเริ่มมีผิวไหม้หลังจากอยู่กลางแดด 10 นาที ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 จะช่วยให้คุณสามารถอยู่กลางแดดได้นานขึ้น 30 เท่า หรือประมาณ 300 นาที โดยไม่เกิดการไหม้
- ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 จะช่วยให้คุณอยู่กลางแดดได้นานขึ้น 50 เท่า หรือประมาณ 500 นาที
อย่างไรก็ตาม การทาครีมกันแดดต้องทาในปริมาณมากพอ และทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะหลังจากว่ายน้ำหรือเหงื่อออกมากเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
ค่า PA (Protection Grade of UVA)
เป็นตัวบ่งชี้ความสามารถของผลิตภัณฑ์กันแดดในการป้องกันรังสี UVA ซึ่งเป็นรังสีที่สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังลึกกว่า UVB และมีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวหนังเกิดฝ้า กระ และริ้วรอยในระยะยาว ระบบการวัดค่า PA มาจากญี่ปุ่น และมีการใช้เครื่องหมาย “+” เพื่อระบุระดับการป้องกัน
- PA+: ป้องกันรังสี UVA ได้ในระดับต่ำ
- PA++: ป้องกันรังสี UVA ได้ในระดับปานกลาง
- PA+++: ป้องกันรังสี UVA ได้ในระดับสูง
- PA++++: ป้องกันรังสี UVA ได้ในระดับสูงมาก
ดังนั้นการเลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสม จะช่วยปกป้องผิวของคุณจากการทำร้ายของรังสี UV และรักษาสุขภาพผิวให้ดีได้ในระยะยาวนะคะ