ไฝแดง

ตุ่มแดงบนผิว รักษาอย่างไร

ไขความลับตุ่มแดงบนผิวกับคุณหมอผิวหนัง

คุณเคยสังเกตไหม ว่าบนผิวหนังของตัวเองหรือคนใกล้ตัว มีตุ่มเล็ก ๆ สีแดงสด ที่อยู่ถาวรไม่ยอมหายไป? หลายคนตกใจกลัวว่าจะเป็นมะเร็งผิวหนัง หรือสัญญาณเตือนโรคร้าย แต่แท้จริงแล้ว “ตุ่มแดง” เหล่านี้มีชื่อเรียกว่าไฝแดง หรือ Cherry angioma และมักจะเป็นเพื่อนที่อยู่กับเราไปตลอดชีวิต (โดยไม่อันตราย)

ไฝแดง Cherry Angioma คืออะไร?

Cherry angioma หรือบางครั้งเรียกว่า Campbell de Morgan spots คือการเจริญตัวของเส้นเลือดฝอยบนผิวหนัง ทำให้เกิดตุ่มนูนเล็ก สีแดงสดไปจนถึงสีม่วง ขนาดตั้งแต่ 0.5–6 มิลลิเมตร มักโผล่มาเงียบ ๆ บริเวณใบหน้า หน้าอก ท้อง หลัง หรือแขน และจำนวนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุ

ไฝแดง เป็นเนื้องอกผิวหนังชนิดไม่ร้าย แต่หลายคนกังวลเพราะกลัวจะเป็นมะเร็ง ความจริงคือมันไม่เป็นอันตราย เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ เช่น โตเร็ว เปลี่ยนสี หรือเลือดออกบ่อย”

ใครเสี่ยงมากที่สุด?

  • ผู้ใหญ่หลังอายุ 30 ปี — เกือบทุกคนจะพบ Cherry angioma อย่างน้อยหนึ่งจุดเมื่อเข้าสู่วัยกลางคน
  • ผู้สูงอายุ — แทบทุกคนอายุเกิน 75 ปีจะมีหลายจุด

  • ไม่เลือกเพศและเชื้อชาติ พบได้เท่า ๆ กัน

ปัจจัยกระตุ้นและสาเหตุที่เกี่ยวข้อง

  1. อายุ ผนังหลอดเลือดฝอยเสื่อมตามกาลเวลา

  2. พันธุกรรม หากครอบครัวมีประวัติ ก็มีโอกาสพบได้ตั้งแต่อายุน้อย

  3. ฮอร์โมน ช่วงตั้งครรภ์ หรือการใช้ฮอร์โมนทดแทน อาจกระตุ้นให้เกิดมากขึ้น

  4. สารเคมีบางชนิดเช่น Nitrogen mustard, Bromides, 2-butoxyethanol, Cyclosporine, Ramucirumab

  5. การกลายพันธุ์ของยีนเฉพาะที่ โดยเฉพาะ GNAQ และ GNA11 ที่ควบคุมการสร้างสัญญาณในเซลล์หลอดเลือด

  6. โรคหรือภาวะภายใน การเกิด “Eruptive cherry angiomas” จำนวนมากในระยะสั้น อาจสัมพันธ์กับโรค Castleman disease, กลุ่มโรคต่อมน้ำเหลือง หรือการติดเชื้อ HHV-8

  7. แสงแดด รังสี UV อาจกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ใต้ผิวหนัง

ลักษณะและอาการ

ไฝแดง มักไม่มีอาการ ไม่เจ็บ ไม่คัน แต่สามารถมีเลือดออกได้ถ้าโดนขีดข่วนหรือกระแทก เพราะเส้นเลือดอยู่ตื้นมาก หากพบตุ่มแดงที่ โตเร็ว, เปลี่ยนสี, หรือ มีเลือดออกบ่อย ควรรีบให้แพทย์ผิวหนังตรวจ เพื่อแยกโรคร้ายแรงเช่น มะเร็งผิวหนัง

วินิจฉัยอย่างไร

ส่วนใหญ่แพทย์วินิจฉัยได้จากการมองด้วยตาเปล่า หรือใช้เครื่อง dermatoscope เพื่อดูโครงสร้างหลอดเลือดใต้ผิว ในบางกรณีที่ไม่แน่ใจ อาจตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) มาตรวจยืนยัน

รักษาได้หรือไม่

จริง ๆ แล้ว ไม่ต้องรักษา ถ้าไม่ได้รบกวนความสวยงามหรือเลือดออกซ้ำๆ แต่ถ้าอยากเอาออกเพื่อความมั่นใจหรือด้านความงาม มีหลายวิธี เช่น

  • Laser therapy – เช่น CO2 laser, Pulsed dye laser, KTP, Nd:YAG

  • Electrocautery – จี้ด้วยกระแสไฟฟ้า

  • Shave excision – โกนออกและจี้เลือด

  • Cryosurgery – แช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลว

    ทุกวิธีมีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นเล็กน้อย หรือกลับมาเกิดใหม่ได้

ข้อควรระวังสำหรับคนไข้

  • สังเกตการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง

  • ปรึกษาแพทย์หากตุ่มมีพฤติกรรมผิดปกติ

  • หลีกเลี่ยงการเกา ขูด หรือพยายามเอาออกเอง เพราะอาจทำให้เลือดออกมาก