Collagen Biostimulator
Collagen Biostimulator คือสารเติมเต็มที่ออกแบบมาเพื่อ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ด้วยตัวเอง ไม่ได้ทำหน้าที่แค่เติมเต็มผิวชั่วคราวเหมือนฟิลเลอร์บางชนิด แต่ช่วยฟื้นโครงสร้างผิวจากภายใน ให้ผิวค่อย ๆ แน่น เด้ง และดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวอิ่มฟูและยืดหยุ่น แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น การสร้างคอลลาเจนจะลดลง จึงทำให้เกิดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และผิวดูบางลง การใช้ Collagen Biostimulator จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วย ชะลอและฟื้นฟูสภาพผิว ระยะยาว
ทำงานอย่างไร?
หลังการฉีด สาร Collagen Biostimulator จะกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์จะไม่ได้เห็นทันที แต่จะค่อย ๆ ชัดขึ้นในช่วง 6–12 สัปดาห์ และสามารถอยู่ได้ยาวนานหลายเดือน ขึ้นกับชนิดของผลิตภัณฑ์และการดูแลผิวของแต่ละคน
ประโยชน์ที่ได้
- ผิวดูตึงกระชับและแน่นขึ้น
- ลดลักษณะริ้วรอยและร่องลึกบางบริเวณ
- ช่วยปรับคุณภาพผิวให้เรียบเนียน
- ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เพราะเป็นคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างเอง
- ผลคงอยู่ยาวนานกว่าวิธีเติมเต็มบางประเภท
หมายเหตุ: ผลลัพธ์แตกต่างกันตามสภาพผิวและการตอบสนองของร่างกายแต่ละคน
มีกี่ประเภท?
สารกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่ใช้กันแพร่หลาย เช่น
Poly-L-Lactic Acid (PLLA) — ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนต่อเนื่อง เหมาะกับการฟื้นฟูปริมาตรผิวที่หายไป
Calcium Hydroxylapatite (CaHA) — ให้เอฟเฟกต์ยกกระชับบางส่วน และกระตุ้นคอลลาเจนไปพร้อมกัน
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าแบบไหนเหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละคนมากที่สุด
เหมาะกับใคร
ผู้ที่เริ่มมีผิวบาง หย่อนคล้อย หรือริ้วรอยจากอายุ
ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป ดูเป็นธรรมชาติ
ผู้ที่อยากฟื้นฟูคุณภาพผิวระยะยาว ไม่เน้นเปลี่ยนรูปหน้าอย่างชัดเจนทันที
(หากมีโรคประจำตัว ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือเคยแพ้สารเติมเต็ม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง)
การดูแลหลังทำ (พื้นฐาน)
หลีกเลี่ยงการนวด/กดแรงบริเวณที่ฉีด หากแพทย์ไม่ได้แนะนำ
งดการออกกำลังกายหนัก ๆ และซาวน่า 24–48 ชั่วโมง
ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ และดูแลผิวให้ชุ่มชื้น
หากมีบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย มักจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดมาก บวมแดงลุกลาม ควรติดต่อแพทย์ทันที
Collagen Biostimulator เป็นนวัตกรรมฟื้นฟูผิวที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน โดยควรให้แพทย์ประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
