ฝ้า!! ปื้นดำที่ไม่ควรละเลย

หลายคนปรึกษาหมอว่า อยากรักษาฝ้าให้หายขาด แต่ขอใช้
ชีวิตลุยๆแบบเดิม ที่จริงการเกิดฝ้าเป็นภาวะสะสมของปัจจัยกระตุ้นต่างๆที่ทำร้ายผิวมาเป็นเวลานาน จนค่อยๆเกิดเงาคล้ำๆที่โหนกแก้ม หลายคนยังคิดว่าปล่อยไว้ก่อนอาจหายเอง
หรือรออีกหน่อยค่อยรักษา จนเป็นฝ้าชัดเจนแล้วทีนี้จะเริ่มจริงจัง การหวังพึ่งแต่ครีมที่จะทำให้ผิวขาว หรือเลเซอร์อาจ
จะไม่เพียงพอแล้ว แต่ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การใช้ชีวิต
กันเลยทีเดียว

ฝ้าเกิดเมื่อเกิดความเสื่อมของผิว ซึ่งมี 3 อย่าง

เสื่อมตามอายุ ซึ่งจะไม่ต่างกันกันมากในคนทั่วไป

  1. แสงแดด อันนี้ต่างกันแน่นอน ร่างกายกลัวแก่ จึงสร้างสีผิวคล้ำ เพื่อให้เม็ดสีดูดซับและการจายแสง เช่น คนที่อยู่ในแอฟริกา ต้องมีเม็ดสีมากกว่าชนชาติอื่น เพราะแสงแดดแรงมาก
  2. สุดท้ายที่พบมากและเริ่มมีงานวิจัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆคือ ความเสื่อมของผิวจากมลภาวะ และสารตกค้าง
    ในเครื่องสำอาง
  3. สุดท้ายที่พบมากและเริ่มมีงานวิจัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆคือ ความเสื่อมของผิวจากมลภาวะ และสารตกค้างใน
    เครื่องสำอาง

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ผิวหน้าสร้างแผ่นฝ้าดำๆขึ้นมา เพื่อเป็นกลไกป้องกันผิวหนังรวมถึงคอลลาเจนจากการถูกทำลาย
 โดยสร้างเม็ดสีขึ้นมาเพื่อดูดซับแสง UV เพื่อลดถูกทำลายของ
คอลลาเจน

สาเหตุการเกิดฝ้า

  1. การตากแดดมาก
  2. อายุที่มากขึ้น
  3. รอยสิว เป็นเพราะมีการทำลายของชั้นผิว เม็ดสีจึงแตกกระจายลงมาที่ผิวชั้นล่าง
  4. การระคายเคืองผิว เช่น ใต้รักแร้ที่มีการขัดถู หรือ
    ใช้สารเคมีที่ระคายเคือง
  5. การกินยาคุม เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนทำงาน กระตุ้นการสร้างเม็ดสีด้วย
  6. คนท้อง คนใกล้หมดประจำเดือน สีผิวที่คล้ำขึ้นล้วนสัมพันธ์กับฮอร์โมน
  7. โรคอื่นๆ เช่น โรคตับแข็ง ไตวาย

ดังนั้นบางภาวะเป็นธรรมชาติ เช่น การอาศัยในพื้นที่ๆ
มีแสงแดดแรง การแก้ไขให้ผิวขาวขึ้นอาจไม่มีจำเป็น

การรักษาผิวให้สว่างขึ้น หลักการคือ การทำให้จำนวนเม็ดสีน้อยลง หรือการสร้างเม็ดสีได้น้อยลง ดังนี้

  1. หลบแสงแดด
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน
  3. ผิวคล้ำขึ้นจากโรคที่เป็น เช่นโรคไต SLE เป็นต้น
    ควรรักษาที่โรคต้นเหตุก่อน
  4. ทาสารที่ลดการทำงานของเม็ดสี ทั้งนี้มีทั้งสารที่แพทย์ต้องควบคุมการใช้ และที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป แต่ที่ต้องดูคือส่วนประกอบสำคัญควรมีติดไว้
  5. การทำ treatment ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีมากมายที่เห็นผลได้ดีขณะนี้ คือ เครื่อง electroporation (Infusion) เพราะมีงานวิจัยพื้นฐานที่ได้รับรางวัลโนเบล น่าสนใจ
    ที่สามารถพาสารได้ลึกเข้าสู่ผิวหนังได้พอกับการฉีดสารเข้าโดยตรง
  6. การใช้เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะที่จับเม็ดสีโดยตรง เพื่อทำให้เม็ดสีแตกออก ช่วยให้สีผิวสว่างใส
    ขึ้นเช่น Nd Yag laser
  7. การกินยาและอาหารเสริมบางชนิด ควรศึกษาถึงผลที่ได้รับและความปลอดภัย เช่น Tranexamic , pyncnogenol, astraxanthine เป็นต้น
  8. การฉีดสารเข้าเส้นเลือดดำ ต้องพิจารณาถึงชนิดของสารที่ใช้ และคำนึงถึงความปลอดภัย เช่น glutathione,
    vitamin C เป็นต้น